เพราะไวน์ คือ การเรียนรู้ที่ไม่มีวันจบสิ้น จากบทความที่แล้ว เราได้ทำความรู้จักกับศัพท์ไวน์น่ารู้ a – e กันไปแล้ว ในบทความนี้ จะชวนคุณไปอ่านต่อ กับศัพท์ไวน์น่ารู้ ตอนที่ 2 เริ่มจาก f – o พร้อมยัง?
สำหรับคนที่พลาดตอน 1 คลิกอ่านได้ ที่นี่
Fat:
เป็นไวน์ที่มีความเข้มข้นสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งไวน์ที่ผลิตจากองุ่นที่ถูกเก็บเกี่ยวในเขตโรนในปีที่มีสภาพอากาศร้อนจัด ซึ่งส่งผลให้ไวน์เข้าสู่ภาวะการเจริญเต็มที่ มีรสชาติเข้มจัด ระดับแอซิดิตี้ต่ำถึงปานกลาง ไวน์ที่มีคุณลักษณะ “fat” จัดเป็นไวน์ที่มีค่า และเป็นที่ต้องการของคอไวน์จำนวนมาก
Flabby:
ใช้กล่าวถึงไวน์ที่มีคุณลักษณะ “fat” มากเกินไป “Flabby wine” จึงหมายถึงไวน์ที่ขาดความสมดุลในรสชาติ และหนักลิ้น
Fleshy:
หมายถึงไวน์ที่มีเนื้อเยอะ ให้เนื้อสัมผัสหนุบๆ เหมือนจะเคี้ยวได้ แสดงถึงว่าเป็นไวน์ที่มีน้ำหนัก(body), แอลกอฮอล์ และเนื้อสกัด(extract)มาก โดยปรกติแล้ว ก็มักจะมีปริมาณกลีเซอรีนสูงด้วยเช่นกัน ไวน์ฝรั่งเศสจากเขต Châteauneuf-du-Pape และ Hermitage มักเป็นไวน์ที่มีคุณลักษณะนี้
Floral:
โดยทั่วไป ไวน์แดงจะมาพร้อมอโรม่าของดอกไม้ แต่ไวน์ที่ทำจากองุ่นสายพันธุ์ Muscat หรือ Viognier ก็มักให้โน้ตของดอกไม้เช่นกัน
Focused:
กลิ่นบูเก้ และรสชาติของไวน์คุณภาพดี(fine wine) ควรจะต้องมีคุณลักษณะที่เรียกว่า “Focused” พูดง่ายๆ คือ มีกลิ่นหอม, อโรม่า และรสชาติที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน ไม่คลุมเครือ
Forward:
ใช้นิยามไวน์ที่ (1) มีรสชาติอร่อย ใกล้เข้าสู่ภาวะรสชาติของไวน์ที่โตเต็มที่ (2) มีรสชาตินำหน้าด้วยโน้ตของฟรุตตี้ (3) ใช้เวลาบ่มไม่นานมาก แต่ให้รสชาติพร้อมดื่มเร็วกว่าที่ควรจะเป็น
Foudre:
ถังไม้โอ๊กที่มีขนาดใหญ่กว่าถังไม้โอ๊กขนาดทั่วไปที่ใช้ในเขต Bordeaux และยังมีใช้กันอย่างกว้างขวางในเขตโรน
Fresh:
ใช้เรียกไวน์ที่มีกลิ่น และรสชาติหอม สะอาด และสดชื่น ตรงข้ามกับไวน์ที่มีกลิ่นอับ
Fruity:
ไวน์ที่มีคุณภาพดีมากควรต้องสัมผัสได้ถึงรสชาติที่เข้มข้นของผลไม้ หรือ “ฟรุตตี้” อย่างไรก็ตาม ไวน์ที่ดีที่สุดควรจะต้องมีคุณลักษณะอื่นๆที่มากกว่าแค่ “ฟรุตตี้”
Full-bodied:
หมายถึงไวน์ที่สัมผัสได้ถึงเนื้อสกัดเข้มข้นขององุ่น มีปริมาณแอลกอฮอล์ และกลีเซอรีนสูง ไวน์จากเขตโรนส่วนใหญ่มักเป็นไวน์ที่คุณลักษณะนี้
Green:
ไวน์เขียว หรือ Green wines คือ ไวน์ที่ทำจากองุ่นที่ยังไม่สุกดี รสชาติขาดความเข้มข้น สัมผัสได้ถึงโน้ตของพืชผัก ผลิตนานๆครั้งในเขตโรน
Hard:
ใช้เรียกไวน์ที่มีรสแทนนินเข้ม ฝาดแรง หรือไวน์ที่มีมีระดับแอซิดิตี้สูง โดยไวน์ใหม่จากเขตโรนสามารถมีคุณลักษณะเช่นนี้ได้ แต่ไม่ถึงกับมีรสหยาบจนเกินไป
Harsh:
หากไวน์มีรสแทนนินที่เข้ม และรุนแรงเกินไป จะถือว่าเป็นไวน์ที่รส “harsh” หรือพูดง่ายๆ คือ มีรสที่หยาบกร้าน จัดเป็นคุณลักษณะที่ไม่ดีของไวน์
Hedonistic:
ใช้บรรยายถึงไวน์ใดๆก็ตามที่สนองความพึงพอใจในทุกๆสัมผัส ไม่ว่าจะทางรสชาติ กลิ่น อโรม่า เนื้อสัมผัส หรือแม้แต่ไวน์ที่มีสีสันสวยงามน่ามอง จับตา ต้องใจ ก็เรียกได้ว่าเป็น ”Hedonistic wine” ได้เหมือนกัน
Herbaceous:
ใช้เรียกไวน์ใดๆก็ตามที่มีกลิ่นหอม โดดเด่นของสมุนไพร ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นของใบไธม์, ลาเวนเดอร์, โรสแมรี่, ออริกาโน, ยี่หร่า หรือ ใบกะเพรา ไวน์ส่วนใหญ่จากเขตโรนมักมีคุณลักษณะนี้
Herbes de Provence:
จังหวัดโพรวองซ์ในประเทศฝรั่งเศส ได้ชื่อว่าเป็นเขตที่อุดมไปด้วยสมุนไพรป่านานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น ใบไธม์, ลาเวนเดอร์, โรสแมรี่, ออริกาโน, และใบเสจ และนั่นคือที่มาของวลีนี้ ใช้กล่าวถึงไวน์ที่มาพร้อมกลิ่นสมุนไพรเหล่านี้ ซึ่งมักพบได้ในไวน์ที่ผลิตในเขตโรน
Hollow:
ใช้บรรยายไวน์ที่มีรสชาติจืดจาง ขาดความข้น หรือความลึกเข้มในรสชาติ
Honeyed:
เป็นคุณลักษณะที่มักพบในไวน์จากเขตโรน ใช้กล่าวถึงไวน์ทีมีกลิ่นและรสชาติของน้ำผึ้ง
Hot:
คำว่า “hot” ในที่นี้ ไม่ได้สื่อถึงอุณหภูมิ แต่แสดงออกว่าเป็นไวน์ที่มีระดับแอลกอฮอล์สูง เมื่อกลืนแล้วทำให้รู้สึกร้อนผ่าวในลำคอ มักเป็นไวน์ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่า 14.5%
Inox vats:
เป็นศัพท์ในภาษาฝรั่งเศส แปลว่า ถังสแตนเลสที่ใช้สำหรับหมัก และบ่มไวน์
Intensity:
หมายถึงความหนาแน่นของเนื้อไวน์ เป็นหนึ่งในคุณลักษณะของไวน์ที่มีคุณภาพสูง ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ไวน์ที่มีเนื้อแน่นมักจะเป็นไวน์ที่มีรสชาติสมดุล ไม่หนักลิ้น จนทำให้รู้สึกเอียนได้ ไวน์ที่มีเนื้อแน่น สัมผัสได้ถึงน้ำองุ่นที่ข้นเข้ม มักให้ความรู้สึกที่สดใส มีชีวิตชีวา มีกลิ่นหอม ซับซ้อน และมีเนื้อสัมผัสที่น่าหลงใหล ความหนาแน่นยังช่วยให้ไวน์มีคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นขึ้นได้อีกด้วย
Jammy:
ใช้เรียกไวน์ที่มีความเข้มข้นของรสผลไม้ที่สุกงอม คล้ายกลิ่นของแยมผลไม้ ไวน์บางรายการที่เป็นไวน์วินเทจในปี เช่น ปี 1961, 1978, 1985, 1989, 1990, และ 1995 มักเป็นไวน์ที่มีคุณลักษณะเช่นนี้
Leafy:
ไวน์ที่มีคุณลักษณะ “leafy” มีความคล้ายคลึงกับ “herbaceous” แต่ต่างตรงที่ “leafy” เน้นไปที่ความหมายของกลิ่นต้นไม้ใบหญ้า มากกว่ากลิ่นสมุนไพร ไวน์ที่มีคุณลักษณะนี้มากกินไป มักเป็นไวน์ที่เราเรียกกันว่า “ไวน์เขียว” หรือ green wine
Lean:
ใช้กล่าวถึงไวน์ที่ขาดความซับซ้อน และเข้มข้นในรสชาติ แต่ยังมีรสชาติที่ดีพอให้ดื่มด่ำได้
Lively:
หมายถึงไวน์ที่มีรสชาติสดชื่น ให้ความรู้สึกสดใส มักเป็นไวน์ใหม่ ที่มีระดับแอซิดิตี้พอดี เหมาะสำหรับจิบเพื่อดับกระหายได้เป็นอย่างดี
Long:
ใช้พูดถึงไวน์ที่ทิ้งรสชาติไว้นานหลังกลืนลงคอแล้ว โดยไวน์ที่มีคุณภาพดี ควรต้องทิ้งรสชาติไว้ในปากนานตั้งแต่ 30 วินาที จนถึง หลายนาที ในการตัดสินว่า ไวน์ใหม่ฉลากไหน “ดี” หรือ “ดีเยี่ยม” นั้น ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ไวน์ทิ้งรสไว้ในปาก
Lush:
ใช้พรรณนาถึงไวน์ที่มีรสชาตินุ่ม ละเมียด แต่เจือด้วยรสฟรุตตี้ที่เข้มข้น ไวน์คุณลักษณะนี้จะตรงกันข้ามกับไวน์ที่มีแทนนินหยาบ และฝาดแรง
Massive:
ใช้นิยามไวน์ที่มีคุณลักษณะ full-bodied, เข้มข้น และสัมผัสได้ถึงรสชาติที่สุกงอมของผลไม้ ไวน์ Hermitage La Chapelle ปี 1961 หรือปี 1990 คือ แบบอย่างที่ดีเยี่ยมของไวน์ลักษณะนี้
Meaty:
หมายถึงไวน์ที่มีเนื้อสัมผัสหนุบๆ เนื้อเยอะ
Monocépage:
เป็นศัพท์ที่ใช้เรียกไวน์ใดๆก็ตามที่ทำจากองุ่นสายพันธุ์เดียวเท่านั้น
Monopole:
หมายถึง ไร่องุ่นที่มีโรงไวน์ หรือบริษัทไวน์แห่งเดี่ยวเป็นเจ้าของ โดยทั่วไปแล้ว บนฉลากไวน์จะระบุข้อมูลนี้ไว้อย่างชัดเจน
Morsellated:
ไร่องุ่นหลายแห่ง มักแบ่งที่ดินออกเป็นแปลงๆเพื่อให้ผู้ปลูกองุ่นแต่ละเจ้าเป็นคนดูแลภายในไร่องุ่นเดียวกัน ไร่องุ่นแต่ละแปลงนั้นเรียกว่า “morsellated vineyard”
Mouth-filling:
ใช้เรียกไวน์ที่มีรสชาติเข้มข้น เนื้อเยอะ จนรู้สึกว่าสามารถเคี้ยวได้ ผู้จิบสามารถสัมผัสได้ถึงเนื้อสกัดของผลไม้ที่เข้มข้น มีปริมาณแอลกอฮอล์ และกลีเซอรีนสูง
Musty:
ไวน์ที่มีกลิ่นอับ เนื่องจากบ่มอยู่ในถังไม้โอ๊กที่ไม่สะอาด เป็นคุณลักษณะที่ไม่ดีของไวน์
Nose:
หมายถึงกลิ่น และอโรม่าของไวน์
Oaky:
หมายถึงกลิ่นโอ๊กที่ฟุ้งอยู่ในไวน์ คล้ายกลิ่นวานิลลา แต่ฉุนกว่า มักพบในไวน์โลกใหม่
Off:
ใช้เรียกไวน์ที่ไม่แสดงคาแรกเตอร์ที่แท้จริง หรืออาจหมายถึงไวน์ที่เสียแล้วก็ได้
Overripe:
องุ่นที่ถูกทิ้งให้สุกคาต้นนานเกินไป จะสูญเสียความเปรี้ยวหรือแอซิดิตี้ ทำให้ไวน์ที่ได้มีรสชาติที่หนัก มักพบในไร่องุ่นที่มีแดดจัด และองุ่นถูกเก็บเกี่ยวช้าเกินไป
Oxidized:
ในระหว่างกระบวนการทำไวน์ หรือการบ่มไวน์ หากไวน์ถูกเปิดทิ้งไว้ให้สัมผัสกับอากาศนานเกินไป จะทำให้ไวน์สูญเสียกลิ่น และรสชาติที่สดใหม่ไป และมีกลิ่นเหม็นอับแทน