"ฤดูแห่งความซ่า" มาถึงแล้ว
Wine n' Culture
“ฤดูแห่งความซ่า” มาถึงแล้ว

อย่างที่คนในธุรกิจไวน์ทราบกันดี ช่วงเวลานี้ของปี คือช่วงเวลาขายดิบขายดีเป็นพิเศษของไวน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสปาร์กลิ้งไวน์ และแชมเปญ

เมื่อพูดถึงสปาร์กลิ้งไวน์ ถึงจุดนี้ ใครบ้างยังไม่รู้จักโปรเซกโก้? สปาร์กลิ้งไวน์สไตล์อิตาเลี่ยนที่กำลังเป็นที่จับตามองเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ในปี 2014 สปาร์กลิ้งไวน์จากอิตาลีทำยอดขายพุ่งแซงหน้าสปาร์กลิ้งไวน์จากฝรั่งเศสเป็นครั้งแรก และสินค้าหลักที่ทำยอดขายมากที่สุด ก็คือ โปรเซกโก้ นั่นเอง

Prosecco Champagne Spumante sparkling wine glasses bangkok thailand

โปรเซกโก้เป็นไวน์จากแหล่งผลิตไวน์ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของแคว้นเวเนโต้ ทำจากองุ่นสายพันธุ์ Glera ที่ปลูกในเขตควบคุมการผลิตไวน์ (DOC/DOCG) ที่มีชื่อว่า Prosecco di Conegliano Valdobbiadene คำว่า “โปรเซกโก้” (Prosecco) แสดงให้รู้ว่าเป็นไวน์ที่มาจากแหล่งผลิตนี้ ซึ่งแต่เดิมเป็นชื่อที่ใช้เรียกองุ่นสายพันธุ์ Glera

ในปัจจุบัน มีการปลูกองุ่นสายพันธุ์นี้มากขึ้นในเขตนี้ ในขณะเดียวกัน ก็มีการพัฒนาเทคนิคการผลิตมากขึ้นด้วย ในอดีต สปาร์กลิ้งไวน์ส่วนใหญ่จะถูกหมักในแทงก์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น หรือที่เราเรียกวิธีการนี้ว่า “Charmat” อย่างไรก็ตาม วิธีการที่ใช้อย่างแพร่หลายที่สุดในปัจจุบัน คือ วิธีหมักในขวด (transfer method) โดยจะเริ่มต้นด้วยการหมักในแทงก์ จากนั้นจะเปลี่ยนถ่ายสู่การหมักในขวดแก้ว เป็นการเลียนแบบ “วิธีการแบบแชมเปญ” (Champagne method) จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมไวน์ที่ได้จึงมีคุณภาพดีขึ้น

จากที่ได้สำรวจตามชั้นขายไวน์ในท้องตลาด ผมพบว่าไวน์โปรเซกโก้ส่วนใหญ่จำหน่ายในราคาระหว่าง 600 – 1,000 บาท ด้วยราคาที่น่าดึงดูดนี้เอง จึงทำให้ไวน์โปรเซกโก้เป็นที่ชื่นชอบของนักดื่มทั่วโลกอย่างไม่มีข้อสงสัย

สปาร์กลิ้งไวน์อีกหนึ่งรายการที่น่าสนใจมากสำหรับผม คือ Jacob’s Creek ซึ่งเป็นแบรนด์ไวน์ของ Pernod-Ricard บริษัทผลิตเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่จากฝรั่งเศส ซึ่งแต่ก่อน พวกเขาผลิตสปาร์กลิ้งไวน์ที่ทำจากองุ่นสายพันธุ์ Chardonnay และ Pinot Noir แต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา พวกเขาเริ่มผลิตสปาร์กลิ้งไวน์ที่ผสมองุ่นสายพันธุ์ Chardonnay, Pinot Noir และ Pinot Meunier ซึ่งล้วนเป็นสายพันธุ์องุ่นที่ใช้ผลิตไวน์ในเขตแชมเปญ โดยคุณภาพของสปาร์กลิ้งไวน์ฉลากนี้ เรียกได้ว่า อร่อยก้าวกระโดดเลยทีเดียว

กลับมาที่ตัวจริง ของจริงกันดีกว่า นั่นคือ แชมเปญ ตัวผมเองก็เป็นแฟนแชมเปญเหมือนกัน แชมเปญ 3 ฉลากที่ผมยังมีอยู่ในตู้แช่ ได้แก่ Duval-Leroy, Bollinger Brut และ โรเซ่แชมเปญจาก Lanson

louis roederer cristal champagne 2005

แน่นอน แชมเปญโดนภาษีหนักกว่าไวน์อื่นๆ ชาวลัทธิคาลวินิสม์ (Calvinism) ของศาสนาคริสต์ เชื่อว่าแชมเปญเป็นไวน์ที่ค่อนข้างอันตรายกว่าไวน์อื่นๆ แต่ข้อเท็จจริงก็คือว่า คาร์บอนไดออกไซด์ที่อัดอยู่ในฟองซ่าๆของแชมเปญ จะเป็นตัวผลักแอลกอฮอล์ให้เข้าสู่เส้นเลือดได้เร็วขึ้นกว่าไวน์อื่นๆที่ไม่สปาร์กลิ้ง

เบียร์ก็ให้ผลลักษณะนี้เช่นกัน

ด้านดีของข้อเท็จจริงนี้ คือ เวลาคุณเข้าร่วมงานไวน์ตามสถานที่ต่างๆที่มีการเสิร์ฟแชมเปญ บรรยากาศในชวงแรกๆของผู้เข้าร่วมอาจจะน่าเบื่อ เงียบ ไม่มีการพูดคุยกันสักเท่าไร แต่เมื่อพวกเขาได้เริ่มจิบแชมเปญ บรรยากาศก็จะเริ่มสนุกสนานขึ้นทันที ทุกคนเปิดฉากคุยกันมากขึ้น หัวเราะร่วมกัน บรรยากาศจึงเริ่มเป็นมิตรขึ้น ข้อดีของการเป็นคนรักไวน์ก็คงด้วยเหตุผลนี้เอง เพราะไวน์จะช่วยสลายตัวตน และทำให้เราคุยกันมากขึ้น รู้จักกันมากขึ้นนั่นเอง

[เรียบเรียงจากบทความของ David Swartzentruber]