คราฟท์เบียร์จากอิตาลีถึงกรุงเทพฯ
Events
คราฟท์เบียร์จากอิตาลีถึงกรุงเทพฯ

คนกรุงเทพฯกับคราฟท์เบียร์ดูเหมือนจะกลายเป็นสิ่งคู่กันไปซะแล้ว เรามีบาร์คราฟท์เบียร์ผุดขึ้นมากมาย อีกทั้งคนไทยจำนวนหนึ่งยังหันมาผลิตคราฟท์เบียร์ในสไตล์ที่เป็นแบบฉบับของพวกเขาเอง บริษัทบางแห่งเลือกที่จะนำเข้าคราฟท์เบียร์ใหม่ๆที่มีชื่อเสียงจากต่างประเทศมาเพื่อตอบสนองความต้องการของสาวกคราฟท์เบียร์ชาวไทยที่มีจำนวนมากขึ้น นอกจากนี้ ห้างสรรพสินค้าใหม่บางแห่ง อย่าง The Commons ทองหล่อ ยังเอาใจคอเบียร์ทั้งหลายตั้งแต่เริ่มเปิดตัวเลยด้วยซ้ำ

ในจำนวนคราฟท์เบียร์ที่มีวางจำหน่ายในกรุงเทพ เรามักไม่ค่อยได้พบเห็นคราฟท์เบียร์จากอิตาลีมากเท่าไรนัก ทั้งนี้เพราะว่า เมื่อพูดถึงอิตาลี เรามักนึกถึงไวน์, อาหารอิตาเลี่ยน, แฟชั่น และศิลปะมากกว่า น้อยคนที่จะนึกถึงเบียร์อิตาเลี่ยน แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ชาวอิตาเลี่ยนถือเป็นชนชาติหนึ่งที่หลงใหลในรสชาติของเบียร์มากเอาการเช่นกัน จึงทำให้พวกเขาเริ่มผลิตคราฟท์เบียร์ที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ในแบบของพวกเขาเอง

และในที่สุด คอเบียร์ในกรุงเทพฯก็ได้มีโอกาสลิ้มลองรสชาติ และสัมผัสโฟมฟองที่แปลกใหม่ของคราฟท์เบียร์จากอิตาลีกันแล้ว ในงานคราฟท์เบียร์ที่จัดขึ้นที่ห้องอาหารและบาร์ไวน์ธรรมชาติ About Eatery ในย่านอโศก เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดยคราฟท์เบียร์อิตาเลี่ยนที่ถูกเลือกให้มาเปิดตัวในงาน เป็นคราฟท์เบียร์ที่มาจากโรงกลั่นเล็กๆ ที่มีชื่อว่า Opperbacco

Opperbacco เป็นโรงกลั่นเบียร์ขนาดย่อม ที่ตั้งอยู่ในเมืองเล็กๆที่มีชื่อว่า Notaresco อยู่ในแคว้น Abruzzo ของประเทศอิตาลี ซึ่ง Abruzzo ยังมีชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในแหล่งผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงมากของอิตาลีอีกด้วย

ภายในงาน เหล่าผู้เข้าร่วมได้มีโอกาสลิ้มลองรสชาติของคราฟท์เบียร์ Opperbacco จำนวนทั้งสิ้น 3 ฉลาก ซึ่งทางผู้นำเข้าได้เลือกมาเป็นไฮไลท์ พร้อมกันนี้ ทาง About Eatery ยังใจดีจัดเตรียมเมนูทาปาสอร่อยๆไว้ให้ผู้เข้าร่วมได้รับประทานกันแบบฟรีๆคู่กับคราฟท์เบียร์สไตล์อิตาเลียนฉลากเหล่านี้อีกด้วย

ผมไม่รอช้า เริ่มลอง Bianca เป็นฉลากแรก

Bianca เป็นวีทเบียร์(wheat beer) ที่มีรสชาติเบาๆ แต่หอมสดชื่น ทำมาจากข้าวสาลีที่ยังไม่ผ่านขบวนการทำมอลท์(un-malted wheat) และข้าวโอ๊ต มีกลิ่นของเปลือกส้ม และผักชี มาพร้อมปริมาณแอลกอฮอล์ที่ 4.2% ABV จึงเหมาะดื่มประเดิมเป็นฉลากแรกได้ดีทีเดียว

ฉลากต่อมา คือ 4Punto7 ถึงแม้ว่า Ooperbacco จะบรรยายคราฟท์เบียร์ฉลากนี้ว่าเป็น เบียร์เอลสีทอง แต่ผมว่า หากเรียกมันว่าเป็น สีส้ม น่าจะเหมาะกว่า มันเป็นเบียร์ที่ทำมาจากสารสกัดจากมอลท์จากกรุงมิวนิค และดอกฮ็อพหอมๆจากทวีปอเมริกาและยุโรป ทำให้มีรสชาติขมแต่นุ่ม สัมผัสได้ถึงโน้ตที่ซับซ้อน โดยรวมแล้วมีรสชาติที่แรงขึ้นมาอีกนิดหน่อยหากเทียบกับ Bianca ด้วยปริมาณแอลกอฮอล์ที่ 4.7% ABV

และผมก็ได้ปิดท้ายค่ำคื่นด้วยฉลากสุดท้าย คือ L’Una บนฉลากมันถูกบรรยายโดยใช้คำว่า “rossa” ซึ่งน่าจะสื่อถึงสีของมันที่มีลักษณะเป็นสีแดงเข้ม มาพร้อมกลิ่นหอมๆของส้มไซตรัส และเครื่องสมุนไพร ฉลากนี้ถือว่ามีรสชาติแรงที่สุด ด้วยปริมาณแอลกอฮอล์ที่ 6.4% ABV และมีรสชาติที่เข้มข้นกว่าอีก 2 ฉลากที่ผ่านมา

สำหรับคนที่อยากลองสัมผัสรสชาติเบียร์ในแบบอิตาเลี่ยนแท้ๆของ Opperbacco ตอนนี้สามารถหาดื่มกันได้แล้วที่ห้องอาหาร 3 แห่ง ดังต่อไปนี้

About Eatery (ชั้น G, อาคาร Ocean Tower II อโศกซอย 3, โทร. +66 2-665-2772)

D’Ark Café (EmQuArtier & โครงการพิมาน 49, Tel. +66 2-662-7900)

Dexter Cafe (สาทรซอย 8, Tel:+66 2-636-6222)

[rev_slider Opperbacco]