wine academics
Lifestyle , New Profiles
หลักสูตรเรียนรู้เพื่อการเป็นซอมเมลิเย่ร์

ทุกวันนี้ โรงเรียนสอนการเป็นซอมเมลิเย่ร์กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่การที่คนๆหนึ่งอยากจะเป็นซอมเมลิเย่ร์ พวกเขาจะต้องทำอย่างไร?

ง่ายๆ สิ่งเดียวที่คุณต้องทำ คือ ให้เรียกตัวเองว่า ซอมเมลิเย่ร์ ให้ได้เสียก่อน ซอมเมลิเย่ร์ตามร้านอาหารจำนวนมากไม่มีใบประกาศนียบัตร และห้องอาหารหลายแห่งก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยใส่ใจเรื่องนี้สักเท่าไร

แต่ถ้าคุณโชคดี ได้เข้าไปทำงานอยู่ในร้านอาหารที่มีระบบการบริหารจัดการดีๆ มีสภาพแวด้อมที่เป็นมืออาชีพ คุณก็อาจจะได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างมากมายเกี่ยวกับเรื่องไวน์ รวมถึงวิธีการเสิร์ฟที่ถูกต้อง โดยไม่จำเป็นต้องเข้าคอร์สหลักสูตรการเป็นซอมเมลิเย่ร์จากโรงเรียนซอมเมลิเย่ร์ใดๆเลยด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องธุรกิจการค้าในวงการไวน์ คุณก็สามารถศึกษาหาข้อมูล และเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองจากอินเทอร์เน็ต

Anita

อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นคนที่มีความหลงใหลในเรื่องไวน์แบบสุดๆ อยากทำงานด้านนี้ และเพิ่มทักษะความเป็นมืออาชีพด้านไวน์แล้วหละก็ มันก็เป็นเรื่องสำคัญ และมีประโยชน์ที่คุณควรจะเข้าคอร์สอบรสหลักสูตจากโรงเรียนสอนการเป็นซอมเมลิเย่ร์ สิ่งหนึ่งที่ต้องบอกไว้แต่เนิ่นๆ คือ มันเป็นหลักสูตรที่ไม่ได้เรียนง่ายขนาดนั้น เพราะคุณต้องให้เวลากับมันในการศึกษา อ่านหนังสือเยอะกว่าที่คนส่วนใหญ่คิดเอาไว้ แต่ก็อย่าเพิ่งเชื่อ หรือกลัวไปก่อน เพราะเมื่อไม่นานมานี้ เรามีโอกาสได้ไปสัมภาษณ์เพื่อนของของเราคนหนึ่ง เธอชื่อว่า Anita Zaror เธอเป็นทั้งนักเขียนด้านไลฟสไตล์ให้กับนิตยสาร กูรูด้านการประชาสัมพันธ์ สาวสังคม และที่สำคัญ เธอเป็นคนหนึ่งที่เคยเข้าคอร์สอบรมการเป็นซอมเมลิเย่ร์มาแล้ว โดยเธอจะมาเล่าประการณ์ของเธอให้พวกเราฟังกัน

ทำไมคุณถึงตัดสินใจเรียนการเป็นซอมเมลิเย่ร์?

การเดินทางสู่การเป็นซอมเมลิเย่ร์ของฉันเปรียบได้กับพัฒนาการขององุ่นสายพันธุ์ Sauvignon Blanc ที่เยาว์วัย และมีคุณลักษณะที่สดชื่น สดใส จนกลายเป็นเป็นส่วนหนึ่งในไวน์แดงผสมที่มีความซับซ้อน และอาบไปด้วยรสชาติแทนนินที่ยอดเยี่ยม ความสนใจในเรื่องไวน์ของฉันเริ่มต้นขึ้นเมื่อตอนที่เป็นนักศึกษาสาขาวารสารศาสตร์ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งในตอนนั้นฉันมีโอกาสได้ลงทะเบียนเรียนวิชานอกหลักสูตรเกี่ยวกับไวน์ (oenology) ซึ่งจำได้ว่า ตอนนั้น ฉันไม่มีความรู้เรื่องไวน์มาก่อน และพูดได้แค่เพียงว่าฉันชอบดื่มไวน์หรือไม่ แต่ไม่สามารถอธิบายได้เป็นช่องเป็นฉากว่า ทำไมฉันถึงชอบ หลังจากนั้น ฉันก็เริ่มอ่านหนังสือเกี่ยวไวน์เยอะขึ้น ได้เข้าร่วมงานไวน์เทสติ้งหลายครั้ง ได้มีโอกาสไปเที่ยวไร่องุ่นตามประเทศต่างๆ และฉันก็เริ่มหลงรักมันมากขึ้น

pouring wine

ในปี 2012 ฉันตัดสินใจเข้าเรียนคอร์สในระดับที่ 1 ที่โรงเรียน Chilean School of Sommeliers เพียงเพื่อเป็นการหากิจกรรมยามว่างสนุกๆทำเท่านั้น  หลังจากนั้น 2 ปีต่อมา สืบเนื่องมาจากงานที่ฉันทำ คือ เป็นผู้สื่อข่าวด้านไลฟสไตล์ และเป็นที่ปรึกษาด้านประชาสัมพันธ์  ฉันจำเป็นต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในโปรเจ็คที่ต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับไวน์ ดังนั้นเมื่อปีที่แล้ว ฉันจึงตัดสินใจกลับเข้าไปเรียนอีกครั้งในระดับที่ 2 ที่สถาบันเดิม จากกิจกรรมยามว่างจึงได้เริ่มกลายมาเป็นความหลงใหลที่แท้จริง และตอนนี้ฉันก็กำลังเรียนอยู่ในระดับที่ 3 (ซึ่งเป็นคอร์สสุดท้ายของหลักสูตร) เพื่อที่จะกลายมาเป็นซอเมลิเย่ร์มืออาชีพ

ฉันเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบกิจกรรมที่ช่วยให้ฉันได้มีโอกาสเปิดรับต่อประสบการณ์ ความรู้สึก และสัมผัสที่หลากหลาย หนึ่งในกิจกรรมเหล่านั้น คือ การชิมอาหารและเครื่องดื่ม เพราะฉันจะได้มีโอกาสใช้ประสาทสัมผัสรู้ทั้ง 6 (รวมไปถึงใช้ใจสัมผัสด้วย)ของฉันในการเข้าถึงความงามของสิ่งเหล่านั้น ฉันจะมีความสุข และมีหน้าตาที่ยิ้มแย้มแจ่มใสทุกครั้งในวันที่ต้องไปเรียนหลักสูตรการเป็นซอมเมลิเย่ร์ที่โรงเรียน

โรงเรียนที่คุณเรียนมีชื่อว่าอะไร และคอร์สที่เรียนยากไหม?

ตอนนี้ฉันเรียนอยู่ที่โรงเรียน 2 แห่ง:

  • แห่งแรก คือ โรงเรียน The Chilean School of Sommeliers ซึ่งที่นี่เป็นหนึ่งในโรงเรียนที่เป็นสมาชิกในเครือของสมาคม ASI (Association de la Sommellerie Internationale) โดยหลักสูตรที่ฉันเรียนมีด้วยกันทั้งหมด 3 ระดับ ผู้เรียนอาจใช้เวลาอย่างน้อยที่สุด 2 ปีในการเรียนจนจบ โดยหลักสูตรมีทั้งการเรียนภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ มีการชิมไวน์ เดินทางไปศึกษาดูงานตามไร่องุ่นต่างๆ เขียนรายงาน และทำวิทยานิพนธ์ แต่ทั้งหมดทั้งมวล จะเน้นไปในเรื่องการบริการ และเรียนรู้เกี่ยวกับไวน์จากชิลี แต่ก็ยังต้องเรียนเกี่ยวกับไวน์จากที่อื่นๆด้วยเช่นกัน ตอนนี้ฉันเรียนอยู่ในระดับที่ 3 แล้ว
  • นอกจากนี้ ฉันยังกำลังเรียนคอร์ส WSET (Wine & Spirit Education Trust) ในระดับที่ 2 ที่โรงเรียน The Wine School ประเทศชิลี ซึ่งคอร์สนี้เป็นคอร์สสั้นๆ ที่ไม่ได้เน้นหนักไปในเรื่องงานบริการ แต่จะเน้นไปที่การศึกษาเกี่ยวกับเรื่องไวน์และสปิริตต่างๆจากทั่วโลกมากกว่า

ความยากง่ายในการเรียนคอร์สเหล่านี้ ขึ้นอยู่กับระดับการเรียน ยิ่งระดับสูงขึ้น ก็ยิ่งยากขึ้น

ในภาพรวมแล้ว ในการเรียนคอร์สต่างๆเหล่านี้ มันง่ายหรือยากกว่าที่คุณคาดไว้?

แน่นอน มันยากกว่าที่ฉันคิดไว้! คุณลองหาโอกาสไปดูรายการสารคดี “Somm” ในรายการทีวีของ Netflix หรือ พิมพ์หาวิดีโอการแข่งขัน “Best Sommelier of the World 2016” บน YouTube คุณจะรู้เลยว่าการเป็นซอมเมลิเย่ร์ไม่ได้ง่ายเลย

อะไรคือสิ่งที่ยาก และท้าทายที่สุดในการเป็นซอมเมลิเย่ร์ และการเรียนหลักสูตรการเป็นซอมเมลิเย่ร์ให้จบ?

การได้เข้าคอร์สเป็นส่วนที่ดีที่สุด เพราะมันการเรียนที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน สำหรับฉันแล้ว การสอบปิดภาคเรียนเป็นอะไรที่ยากที่สุด:

  • สอบภาคทฤษฎี: ในการทำข้อสอบ คุณจำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับไวน์ ตั้งแต่ชื่อสายพันธุ์องุ่น, ประวัติความเป็นมา, โซนการผลิตไวน์ที่สำคัญต่างๆของโลก ตลอดจนเทคนิคต่างๆในการชิมไวน์, การอ่านฉลากไวน์ และเทคนิคในการผลิตอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ เช่น ไวน์, น้ำ, เบียร์, สปิริต, ชีส, กาแฟ, ชา, เครื่องเทศ, และน้ำมันมะกอก เป็นต้น
  • สอบภาคปฏิบัติ:
    • บลายด์เทสติ้ง(Blind tasting): ในการสอบนี้ จะมีการวางไวน์ 3 แก้วตรงหน้าคุณ แล้วให้คุณชิมในเวลาที่กำหนด และให้เดาว่าไวน์ที่คุณชิมแต่ละแก้วนั้น เป็นไวน์ชนิดอะไร, ส่วนผสมหลักคืออะไร, ผลิตที่ไหน, และวินเทจปีอะไร เป็นต้น พร้อมทั้งให้อธิบายโน้ตต่างๆของไวน์แต่ละแก้วนั้นๆด้วย นอกจากนี้ ยังต้องสามารถแนะนำได้ว่าไวน์นั้นๆเหมาะทานคู่กับเมนูอาหารแบบไหน (ยกตัวอย่างเช่น ไวน์ Chardonnay ที่บ่มได้ที่แล้ว ควรทานคู่กับเมนูปลาแซมอนย่างราดซอสครีม)
    • งานบริการ: คุณจะต้องสามารถทำการดีแคนติ้งไวน์ และเสิร์ฟไวน์ต่อหน้ากรรมการ ให้ถูกกฎและตรงตามมาตรฐานของการเป็นซอมเมลิเย่ร์ระดับนานาชาติ
    • Sommelier knife

หลักสูตรที่คุณเรียนมีภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติมากแค่ไหน คอร์สที่คุณเรียนมีลักษณะเป็นอย่างไร?

ฉันคิดว่า มันมีทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติอย่างละครึ่งๆ โดยจะมีทั้งคอร์ส 3 ชั่วโมงให้คุณได้ฝึกการทำไวน์ หรือเรียนวิชาเคมีเกี่ยวกับไวน์นั่นเอง โดยคุณจะต้องจดรายละเอียดความรู้ต่างๆ และสามารถพูดคุย ถามคำถามต่างๆที่คุณสงสัยกับอาจารย์ประจำคอร์สได้ นอกจากนี้ ก็ยังมีคอร์สชิมเครื่องดื่ม 3 ชั่วโมง โดยคุณจะได้อาจจะได้ชิมเครื่องดื่ม 5 ถึง 15 ชนิด แต่สิ่งหนึ่งที่หลายคนไม่รู้คือ ในการชิมเครื่องดื่ม เราจะไม่กลืนเครื่องดื่มที่เป็นแอลกอฮอล์เหล่านั้นลงคอเลย มันเป็นเรื่องยากที่จะต้องเรียนวิชาชิมเครื่องดื่มที่ตอน 9 โมงเช้า ดังนั้น การทานมื้อเช้าก่อนเข้าคอร์สนี้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก!

คุณสนุกกับการเรียนไหม?

ฉันมีความสุขกับทุกๆหยดที่ฉันจิบเลยหละ!

ขอบคุณ Anita ที่มาร่วมพูดคุยกับเราในวันนี้