เป็นที่รู้กันดีว่า ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่หลงใหลในเรื่องงานศิลปะ และไม่น่าแปลกใจที่หลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นของประณีต และเกี่ยวข้องกับความงามมักถูกผลิตขึ้นที่นี่ ไม่ว่าจะเป็น การตัดเย็บเสื้อผ้าชั้นสูง หรือ Haute Couture, ศิลปะด้านการทำอาหาร, งานดีไซน์ และที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือ ศิลปะการทำไวน์ของพวกเขา… แต่ใครเลยจะคิดว่า ประเทศที่ดูอู้ฟู่ สง่าประณีตแบบนี้ จะประดิษฐ์คิดค้น “ปืนแชมเปญ” ที่ยิงออกมาได้ไกลตั้ง 7 เมตร! ชวนไปดูกันว่า นวัตกรรมนี้มีที่มายังไง ราคาเท่าไร แล้วมีไว้เพื่อ?(อะไร)

ปืนแชมเปญ ถูกเปิดตัวขึ้นครั้งแรกโดยบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในประเทศฝรั่งเศส และปฏิเสธไม่ได้ว่า มันจะเป็นนวัตกรรมใหม่ที่มนุษยชาติจะต้องการมันเป็นสิ่งสุดท้ายบนโลกใบนี้อย่างแน่นอน เพราะมันถูกออกแบบมาเพื่อปรนเปรอความมันส์เพียงเท่านั้น แถมสิ้นเปลืองแชมเปญที่มีราคาแสนแพงโดยใช่เหตุอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้น มันยังถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับแชมเปญขนาด Magnum (1.5 ลิตร) เท่านั้นอีกด้วย

แล้วเรื่องราคาหละ? ปืนแชมเปญ วางจำหน่ายในราคาเบาๆ เพียงชิ้นละ 459 เหรียญ มี 3 สีให้เลือก ตั้งแต่ สีทอง, สีทองเหลือบชมพู และสีโครม จากข้อมูลบนเว็บไซต์ ยังระบุว่า ปืนแชมเปญไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ยิงแชมเปญเล่นๆขำๆเท่านั้น แต่มันยังสามารถนำไปใช้เพื่อเพิ่มอรรถรสในงานปาร์ตี้ของคุณได้อีกด้วย เพราะคุณยังสามารถใช้มันเป็นเครื่องมือในการรินแชมเปญใส่แก้ว หรือแม้แต่เอาไว้ใช้ประดับตกแต่งบ้านก็ยังได้

แต่ถ้าดูจากวิดีโอโปรโมทสินค้าแล้ว ดูเหมือนบริษัทผู้ผลิตจะพุ่งเป้าการขายไปที่การใช้เพื่อความสนุกสนาน ให้คอไวน์ที่ไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไร ได้ใช้ยิงแชมเปญเล่นใส่กันอย่างเมามันส์ในงานปาร์ตี้ เท่านั้น

อีกหนึ่งสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นจุดขายของปืนแชมเปญชิ้นนี้ คือ รูปลักษณ์ของมันที่ถูกออกแบบมาให้ดูคล้ายกับปืนตระกูล Thompson ซึ่งเป็นปืนสไตล์ทหารในยุค 1920 ถ้าคนถือเป็นผู้ชาย อาจทำให้พวกเขาดูเท่ห์ มีลุคเหี้ยมๆแต่ดูมีระดับอะไรทำนองนั้น แต่ถ้าเป็นผู้หญิงถือ อันนี้ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าจะทำให้พวกเธอดูออกมาเป็นยังไง…

อย่างที่รู้ๆกัน คนรวยมักเอางานฝีมือดีๆมาใช้เป็นของเล่นเพื่อตอบสนองความบันเทิงของพวกเขาเอง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ เป็นปีที่ค่อนข้างแล้ง น้ำน้อย บางทีปืนแชมเปญอาจเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่สามารถช่วยคุณประหยัดน้ำได้ เพียงแต่คุณต้องซื้อแชมเปญขนาด Magnum มาฉีดใส่เพื่อนแถวสีลมแทน มีใครสนใจบ้างครับ

[บทความโดย Alexander Eeckhout]