หากคุณหลงใหลไวน์จากชิลี เพราะเป็นไวน์ที่เข้าถึงง่าย และคุ้มราคา เตรียมตัวให้พร้อม เพราะวันสำคัญที่เรากำลังจะเข้าสู่เขตการค้าเสรี (FTA – Free Trade Agreement) ร่วมกับประเทศชิลี ใกล้มาถึงแล้ว…
เจ้าหน้าที่จากฝ่ายรัฐบาลของประเทศชีลี ได้เดินทางมาเยือนไทยสัปดาห์นี้ เพื่อจัดการประชุมร่วมกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และเพื่อเข้าร่วมงานสัมมนา “The FTA Between Thailand and Chile, Starting a New Period of Prosperity” พร้อมร่วมรับประทานมื้อเที่ยง “Bites of Chile” ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมแลนด์มาร์ค กรุงเทพฯ
คุณ Diego Osses กรรมาธิการการค้าประเทศชีลีประจำประเทศไทย กล่าวว่า “ข้อตกลงทางการค้าเสรีระหว่างประเทศชิลี และประเทศไทย ได้รับการลงนามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ระหว่างท่านประธานาธิบดี Pinera แห่งประเทศชิลี และคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อเดือนตุลาคมปี 2013 ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวได้ผ่านการอนุมัติจากรัฐสภาของประเทศชิลีไปแล้วเมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยสินค้ากว่า 90% จะได้รับประโยชน์ทันทีจากอัตราภาษี 0% ในขณะที่สินค้าที่เหลือจะค่อยๆลดอัตราภาษีลงเหลือ 0% ภายในช่วงเวลา 3, 5 หรือ 8 ปี”
เขายังกล่าวว่า ในปัจจุบัน ทั้ง 2 ประเทศกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาในเรื่องสถานที่ และวันที่เหมาะสม เพื่อจัดพิธีลงนามเข้าร่วมอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะได้มีการตีพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาอย่างเป็นทางการของทั้งสองฝ่ายต่อไป โดยกล่าวเพิ่มเติมว่า “60 วันหลังจากการลงพิมพ์แล้ว ผู้นำเข้า และผู้จำหน่ายจากประเทศไทย และประเทศชิลี จะเริ่มได้รับประโยชน์จากข้อตกลงนี้ ซึ่งเราคาดว่า ข้อตกลงทางการค้าเสรีนี้จะเริ่มมีขึ้นในเดือนแรกของปี 2016”
“อย่างที่ชื่อของงานก็บอกอยู่แล้ว ว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของความเจริญรุ่งเรือง และทำให้ทั้ง 2 ประเทศได้รับผลประโยชน์จากข้อตกลงนี้อย่างมหาศาล” คุณ Kanit Si ประธานสภาธุรกิจไทย-ชิลี กล่าวว่า “การค้าระหว่างไทย และชิลี เติบโตขึ้นจาก 460 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2007 เป็น มากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2014 โดยสินค้าส่งออกจากประเทศชิลีเป็นวัตถุดิบ เช่น แร่ทองแดง และเยื่อไม้ ในขณะที่ประเทศไทยมีสินค้าส่งออกไปยังประเทศชิลีเป็นสินค้าการผลิต เช่น รถกระบะ และรถยนต์ เป็นต้น ซึ่งนี่หมายความว่า เราต่างมีศักยภาพที่มหาศาลทางเศรษฐกิจร่วมกัน สำหรับประเทศไทยแล้ว ประเทศชิลีจะเป็นประตูสู่ประเทศต่างๆในแถบลาตินอเมริกา อย่างเช่น เม็กซิโก, โคลัมเบีย, อาร์เจนติน่า, และ บราซิล”
คุณ Kanit Si กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการส่งเสริมการค้า และการลงทุนของทั้ง 2 ประเทศ สิ่งสำคัญที่ต้องรีบดำเนินการ คือ เริ่มต้นการค้าเสรีด้วยสินค้าที่สร้างรายได้มากที่สุดของแต่ละประเทศ(เช่น อาหารทะเล และซีเมนต์ เป็นต้น), กำจัดอุปสรรคด้านภาษี (เช่น พิธีการศุลกากร และกระบวนการเก็บภาษี) ตลอดจน สร้างแรงจูงใจสำหรับการลงทุนในต่างประเทศ (เช่น เพิ่มกรรมสิทธิ์สำหรับชาวต่างประเทศ, ผ่อนปรนคุณสมบัติในการทำวีซ่า และมอบสิทธิ์ในการโอนย้ายกองทุนออกนอกประเทศเมื่อไรก็ได้)
นอกจากคุณ Diego Osses และคุณ Kanit Si แล้ว ยังมีผู้แทนท่านอื่นๆที่เข้าร่วมงานสัมมนาเกี่ยวกับข้อตกลงทางการค้าเสรีในครั้งนี้ ประกอบด้วย คุณ H.E. Javier Becker เอกอัครราชทูตชิลีประจำประเทศไทย, คุณ Roberto Paiva ประธานคณะกรรมาธิการการค้าชิลี (ProChile), คุณ Rafael Sabat หัวหน้ากรมการระหว่างประเทศของ ProChile, คุณพรรษวุฒิ หริ่มเจริญ ที่ปรึกษารัฐมนตรีให้กับกระทรวงพาณิชย์ของไทย, และคุณ Jose Herrera ทนายระหว่างประเทศและที่ปรึกษาด้านการตลาด นอกจากนี้ ยังมีนักธุรกิจเข้าร่วมกว่า 100 ท่าน รวมไปถึง ตัวแทนจากรัฐ และเอกชน ซึ่งยืนยันให้ความสนใจในข้อตกลงดังกล่าว และประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
“เศรษฐกิจของไทย และชิลี เติมเต็มประโยชน์ซึ่งกันและกันเป็นอย่างดีมาโดยตลอด และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงมาเจรจาเรื่องเขตการค้าเสรี ประกอบกับประเทศชิลีเอง ก็มีความสนใจที่จะซื้อสินค้าจากประเทศไทย เช่น อาหารและเครื่องจักรต่างๆ อีกทั้ง ชิลีต้องการเป็นที่รู้จักมากขึ้นในตลาดอาเซียน (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องผลิตภัณฑ์ด้านอาหาร เช่น อาหารทะเล และไวน์)” คุณ Sabat กล่าวอธิบาย “เรารู้สึกตื่นเต้น ที่จะได้เข้าร่วมในข้อตกลงนี้ เพราะธุรกิจของทั้ง 2 ประเทศกำลังดำเนินไปอย่างดี และโดยปรกติแล้ว ข้อตกลงเขตการค้าเสรีนี้ จะช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจของประเทศนั้นๆมีความเจริญก้าวหน้ามากขึ้น”
คณะกรรมาธิการการค้าชิลี หรือ ProChile ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันของกระทรวงการต่างประเทศของชิลี ที่รับผิดชอบในเรื่องการส่งเสริมการส่งออกสินค้าและบริการของประเทศ ยังได้เข้าร่วมการประชุมความร่วมมือในเอเชียประจำปี ซึ่งจัดขึ้นสัปดาห์นี้ที่โรงแรมโซฟิเทล กรุงเทพฯ สุขุมวิท โดยมีกรรมการการค้าต่างๆจากระดับภูมิภาค เข้าร่วมหารือเกี่ยวกับแผนปฏิบัติในปี 2016
คุณ Roberto Paiva กล่าวว่า “เอเชียเป็นตลาดที่สำคัญที่สุดสำหรับธุรกิจส่งออกของประเทศชิลี โดยเราเริ่มจากจีน, ญี่ปุ่น และ เกาหลี ในขณะที่อาเซียนยังเป็นภูมิภาคที่สำคัญ และมีศักยภาพมาก และนั่นคือเหตุผลที่เรามายืนอยู่ตรงนี้”
อาหารจากประเทศชิลี
โครงการ “Foods from Chile” ของ ProChile ซึ่งเริ่มขึ้นในปี 2013 และคาดว่าจะมีการโปรโมทมากขึ้นในทวีปเอเชียและประเทศอื่นๆทั่วโลกในปี 2016 เป็นการจัดแสดงเกี่ยวกับความปลอดภัยด้านอาหาร, การสืบทอดของมาตรฐาน, การร่วมมือระดับสากล, คุณภาพ และรสชาติบริสุทธิ์ดั้งเดิม ซึ่งเหล่านี้คือคำนิยามของอาหารชิลี โดยในการสัมมนาโครงการนี้ ผู้เข้าร่วมยังสามารถได้ลิ้มลองรสชาติไวน์ขาว และไวน์แดงจากชิลี พร้อมกับอาหารชิลีอีกมากมายหลากหลาย เช่น เมนูชีส Empanadas เสิร์ฟพร้อมกุ้ง และหอยแมลงภู่, ปลาแซลมอน ceviche เสิร์ฟพร้อมพริกแห้งชิลีและควินัว, ปลาแซลมอนอบกับปลาหมึกยักษ์อูกราแตง เป็นต้น
อ่านเพิ่มเติม ไปที่เว็บไซต์ ProChile หรือ FoodsfromChile.