ปัจจุบัน ประเทศจีน และอเมริกายังคงเป็นตลาดผู้บริโภคไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และทำรายได้ดีเสมอมา รวมถึงในปีนี้ด้วยเช่นกัน
มีการประเมินแล้วว่า ประเทศอเมริกามีผู้บริโภคไวน์ราว 93 ล้านคน และรัฐต่างๆในในอเมริกาจำนวน 50 รัฐล้วนมีโรงไวน์ทั้งสิ้น จากรายงานของนิตยสาร Wines & Vines ประเทศอเมริกายังมียอดการผลิตไวน์ที่เพิ่มสูงขึ้น 6.3% ในปีที่ผ่านมา เฉพาะในเขตอเมริกาเหนือมีโรงไวน์มากถึง 8,391 แห่ง ในจำนวนนี้ โรงไวน์ 629 แห่ง เป็นโรงไวน์ที่อยู่ในประเทศแคนาดา และเม็กซิโก
ยังมีการคาดการณ์ว่า การบริโภคไวน์ในประเทศอเมริกา จะเพิ่มสูงขึ้นจาก 40% เป็น 44% ของจำนวนประชากรทั้งหมดภายในปี 2025 ซึ่งถึงตอนนั้น จำนวนผู้บริโภคไวน์ในอเมริกาจะเพิ่มขึ้นเป็น 109 ล้านคนเลยทีเดียว
นอกจากนี้ ยังมีการพยากรณ์ว่า ธุรกิจไวน์ในอเมริกาจะเริ่มค่อยๆเข้าสู่ตลาดการค้าไวน์ระดับพรีเมียมมากขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ไวน์ฉลากพรีเมี่ยมเหล่านั้นจะมีราคาอยู่ระหว่าง 16-40 เหรียญสหรัฐ โดยค่าภาษีไวน์ต่อขวดในประเทศอเมริกาอยู่ที่ 73 เซนต์ หากพิจารณาในแง่ของมูลค่าแล้ว ผู้บริโภคไวน์ชาวอเมริกันนิยมบริโภคไวน์จากฝรั่งเศสมากขึ้น ซึ่งคิดเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ของไวน์ทั้งหมดที่ผลิตจากประเทศฝรั่งเศส
ในขณะที่ตลาดผู้บริโภคไวน์ในจีนก็ก็กำลังขยายตัวเช่นกัน โดยเฉพาะในวันที่ 11 พฤศจิกายนของทุกปี ซึ่งถือเป็นวันเทศกาลคนโสดของประเทศจีน ได้กลายมาเป็นวันที่มีการช้อปปิ้งออนไลน์มากที่สุดของโลก โดยมีรายงานว่า มีการทำลายสถิติยอดขายสินค้าประเทศเหล้า และไวน์มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในวันนี้อีกด้วย
กลับมาที่ทวีปยุโรป ตามรายงานของเว็บไซต์ Decanter ในสัปดาห์นี้ผู้ผลิตแชมเปญ Taittinger ได้กลายมาเป็นผู้ผลิตรายแรกจากประเทศฝรั่งเศสที่ได้เข้าซื้อกรรมกรรมสิทธิ์ไร่องุ่นในประเทศอังกฤษ โดยพวกเขาซื้อพื้นที่ไร่องุ่นขนาด 69 เฮกตาร์ (173 เอเคอร์) ในเมืองเคนต์ ซึ่งจะส่งผลให้สามารถผลิตสปาร์กลิ้งไวน์อังกฤษได้มากถึง 300,000 ขวดเลยทีเดียว
เป็นที่ทราบกันดีว่า ที่ดินที่ดีมีคุณภาพเกือบทั้งหมดในเขตแชมเปญล้วนเป็นไร่องุ่นทั้งสิ้น และหากที่ดินผืนใดมีการประกาศขาย ก็จะมีราคาขายที่สูงลิ่ว
การตัดสินใจครั้งนี้ของผู้ผลิต Taittinger ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เนื่องจากไร่องุ่นที่พวกเขาตัดสินใจซื้อ เป็นไร่องุ่นที่มีการปลูกสายพันธุ์องุ่นหลักๆของเขตแชมเปญอยู่แล้ว ได้แก่ Chardonnay, Pinot Noir และ Meunier
ต่อไปนี้เป็นข้อมูลจากรายงานของธนาคาร BNP Paribas
“5 เทรนด์สำคัญที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจไวน์ของโลก:
- ปริมาณการส่งออกไวน์ทั้งหมดของโลก เพิ่มสูงขึ้นเป็น 2 เท่าตัว ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา โดยทวีปยุโรปยังครองตำแหน่งผู้ส่งออกไวน์มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก คิดเป็น 58 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณการส่งออกไวน์ทั้งหมด
- ปริมาณการส่งออกไวน์ของแหล่งผลิตจากประเทศโลกใหม่ (นิวซีแลนด์, ชิลี, ออสเตรเลีย และ แอฟริกาใต้) เพิ่มสูงขึ้นถึง 370 เปอร์เซ็นต์
- ประเทศอเมริกาเป็นชาติที่บริโภคไวน์มากที่สุด ทำสถิติแซงหน้าประเทศฝรั่งเศส โดยคิดเป็นอัตราเฉลี่ยในการบริโภค อยู่ที่ 12 ลิตร ต่อ คน
- ปริมาณการบริโภคไวน์ของทวีปยุโรป คิดเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณการบริโภคไวน์ทั้งหมดของโลก
- ในจำนวน 100 แบรนด์ไวน์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก มี 84 แบรนด์ ที่เป็นแบรนด์ไวน์จากประเทศฝรั่งเศส”
เมื่อปีที่ผ่านมา อิตาลีกลายมาเป็นประเทศที่ผลิตไวน์มากที่สุดของโลก แซงหน้าฝรั่งเศส แต่ทั้ง 2 ประเทศได้ผลัดกันครองแชมป์ในฐานะผู้ผลิตไวน์ที่ใหญ่ที่สุดของโลกมาโดยตลอด
[เรียบเรียงจากบทความของ David Swartzentruber]