ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ชาวจีนมีความหลงใหลในรสชาติของไวน์มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไวน์แดง…
ความคลั่งไคล้ในวัฒนธรรมการจิบไวน์ของชาวชาวจีนเริ่มต้นขึ้นในช่วงระหว่างปี 1990-1999 เมื่อครั้งที่ นายหลีเผิง ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยเขาได้สร้างความแปลกใจให้กับรัฐสภาด้วยการจัดงานเลี้ยงฉลองแผนการดำเนินงานฉบับใหม่ด้วยไวน์แดง ซึ่งเขายังได้กล่าวในงานว่า “การดื่มไวน์ผลไม้ช่วยให้มีประโยชน์ต่อร่างกายของพวกเรา แถมยังไม่เป็นการสิ้นเปลืองเมล็ดพรรณพืชอีก และเอื้อประโยชน์ต่อจริยธรรมทางสังคมอีกด้วย”
ในประเทศจีน ผู้บริโภคส่วนใหญ่นิยมจิบไวน์ฝรั่งเศส โดยเฉพาะอย่างยิ่งไวน์จากเขตบอร์โด(Bordeaux) โดยพวกเขายังมองว่า ไวน์เป็นเครื่องดื่มที่บ่งบอกถึงสถานะทางสังคม พูดง่ายๆ มันคือสัญลักษณ์ใหม่ที่แสดงถึงความมั่งคั่งในประเทศจีน
เหตุผลที่ไวน์ฝรั่งเศสเป็นที่นิยมมากในจีน อาจไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของรสชาติ เพราะหากจะเปรียบเทียบไวน์ฝรั่งเศสจากบอร์โด กับ ไวน์ชิลีระดับไฮเอนราคาแพงๆสักขวดแล้ว รสชาติก็คงไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไรนัก
สื่อชื่อดัง อย่าง The Telegraph ได้รายงานว่า ยอดขายไวน์บอร์โดเพิ่มสูงขึ้นราว 31% เมื่อปีที่ผ่านมา โดยคิดเป็นจำนวนมากถึง 64 ล้านขวด ถือเป็นยอดขายที่สูงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์
คุณ Suzanne Mustacich ผู้แต่งหนังสือ Thirsty Dragon: China’s Lust for Bordeaux ได้ให้สัมภาษณ์กับ The Telegraph ว่า “จำนวนชาวจีนที่มีกำลังซื้อไวน์นำเข้าในราคาที่ขวดละ 28 ยูโร มีจำนวนมากขึ้นเป็น 2 เท่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา โดยเพิ่มจาก 17 ล้าน เป็น 39 ล้านคน”
อย่างไรก็ตาม ชาวจีนดูเหมือนจะยังไม่หยุดแค่เรื่องการนำเข้าไวน์ เพราะในปัจจุบัน มหาเศรษฐีชาวจีนจำนวนมากขึ้น ยังหันมาซื้อไร่องุ่นพร้อมปราสาท หรือ châteaux เป็นของตัวเองมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น Jack Ma เจ้าของเว็บไซต์ Ali Baba ซึ่งเป็นธุรกิจ e-commerce ที่ใหญ่ที่สุดของจีนในปัจจุบัน ล่าสุด เขาได้ซื้อ Château de Sours ซึ่งเป็นปราสาทพร้อมไร่องุ่นที่มีอายุเก่าแก่ตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 16 โดยเขาซื้อมาในราคาสูงถึง 14 ล้านยูโร เลยทีเดียว
ในทริปเดียวกันกับที่เขาได้ตัดสินใจซื้อปราสาทแห่งนี้ เขายังได้พาเพื่อนที่เป็นมหาเศรษฐีด้วยกันเดินทางไปด้วย ซึ่งในจำนวนนี้ยังได้ตัดสินใจซื้อโรงไวน์ขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในเขตเดียวกัน เพิ่มอีกกว่า 30 แห่ง อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังเป็นที่พูดกันว่า คนที่ชักจูงให้ Jack Ma ตัดสินใจซื้อปราสาทพร้อมไร่องุ่นดังกล่าว เธอคือนางเอก และผู้กำกับภาพยนต์ชาวจีนที่มีชื่อว่า Zhao “Vicky” Wei โดยเธอผู้นี้ยังได้ซื้อโรงไวน์ร้างแต่มีเสน่ห์งดงาม ที่มีชื่อว่า Château Monlot ซึ่งตั้งอยู่ในเขต Saint-Émilion ไปเมื่อปลายปี 2011
Bloomberg รายงานว่า จำนวนชาวจีนที่เข้าซื้อธุรกิจไร่องุ่นในเขตบอร์โด มีจำนวนมากขึ้น โดยพบว่า มีปราสาทเกือบ 130 แห่งทั่วเขตดังกล่าว ถูกซื้อไว้ในครอบครองเรียบร้อยแล้วโดยนักลงทุน ทั้งที่เป็นชาวจีนแผ่นดินใหญ่ และชาวจีนฮ่องกง โดยนักลงทุนส่วนใหญ่เหล่านี้ มักให้ความสนใจปราสาทที่มีสถาปัตยกรรมที่งดงาม มีประวัติความเป็นมาที่เก่าแก่ และมีที่ตั้งอยู่ในเขตชนบท โดยพวกเขาหวังที่จะใช้ประโยชน์จากปราสาทเหล่านี้ โดยปรับปรุงให้มันกลับมาสวยงาม และกลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวแห่งใหม่ของกลุ่มชาวจีนที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศฝรั่งเศส นอกจากนี้ ไวน์ฝรั่งเศสที่ป้อนให้กับตลาดผู้บริโภคไวน์ในจีนส่วนใหญ่ยังเป็นไวน์ธรรมดาๆ ที่ไม่ค่อยมีความโดดเด่นเท่าไรนัก
ปัจจุบัน จำนวนไร่องุ่นในเขตบอร์โดที่มีชาวจีนเป็นเจ้าของมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยตัวเลขอยู่ที่ 7,000 กว่าแห่งทั่วเขตบอร์โด นี่ยังไม่นับไร่องุ่นอื่นๆอีกจำนวนมากที่มหาเศรษฐีชาวจีนกำลังรอซื้ออยู่ บอกได้เลยว่า คงยังไม่มีอะไรมาดับความกระหายของชาวจีนในไวน์บอร์โดได้ง่ายๆในขณะนี้