แปลกแต่จริง ที่เรามักไม่ค่อยพบเห็น คำว่า อังกฤษ กับคำว่า ไวน์ ใช้อยู่ร่วมกัน แต่ต่อไปนี้ เราน่าจะกำลังจะได้เห็น 2 คำนี้ใช้ร่วมกันบ่อยมากขึ้นแล้วครับ…
ชาวอังกฤษมีส่วนร่วมในธุรกิจการคั้นน้ำองุ่นเพื่อนำมาผลิตไวน์ตลอด 20-30 ปีที่ผ่านมา และในปัจจุบันพวกเขาหันมาปลูกองุ่นด้วยตัวเองเพื่อนำมาทำไวน์อย่างเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น
เป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจที่ โรงไวน์ส่วนใหญ่ในประเทศอังฤษมักมีสถานที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ พวกเขามีความพยายามที่จะผลิตไวน์ในแบบของชาวสกอต แต่ก็น้อยคนที่จะให้ความสนใจ หรือแม้แต่เต็มใจอยากจะลิ้มลองมัน
จากข้อมูลบนเว็บไซต์ Financial Times พวกเขารายงานว่า ธุรกิจไร่องุ่นกำลังเฟื่องฟูมากขึ้นในเวลส์ โดยตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ไวน์จากไร่องุ่นเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไวน์ขาวแนวรสชาติเบาสดชื่น สปาร์กลิ้งไวน์ และไวน์โรเซ่ ยังได้คว้ารางวัลมาแล้วมากมาย และที่น่าแปลกใจไปกว่านั้น โรงไวน์ที่ผลิตไวน์ต่างๆเหล่านี้ส่วนใหญ่มีอายุไม่เก่าแก่ ซึ่งบางรายมีอายุไม่ถึง 10 ปีด้วยซ้ำไป
ไร่องุ่นในเวลส์ส่วนใหญ่มีขนาดไม่ใหญ่ ยกตัวอย่างเช่น ไร่องุ่นที่มีชื่อว่า White Castle Vineyard มีขนาดใหญ่เพียงแค่ 5 เอเคอร์ มีลักษณะเป็นที่ลาดชันหันหน้าไปทางทิศใต้ โดยผู้บริโภคสามารถซื้อไวน์แบบสดใหม่จากไร่ได้โดยตรงจากห้องเก็บไวน์ของพวกเขาเลย ไวน์ที่เป็นไฮไลท์สำคัญ และคว้ารางวัลมาแล้วของที่นี่ มีชื่อว่า Gwin Gwyn ซึ่งเป็นไวน์ขาวผสมระหว่างองุ่นสายพันธุ์ที่เราอาจไม่ค่อยคุ้นหูเราไรนัก นั่นคือ องุ่นสายพันธุ์ Phoenix และ Siegerrebe
นอกจากนี้ ก็ยังมีไร่องุ่น Parva Farm ซึ่งจัดเป็นหนึ่งในไร่องุ่นที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในเวลส์ก็ว่าได้ โดยไร่องุ่นแห่งนี้เริ่มปลูกองุ่นมาตั้งแต่ในปี 1979 โดยไวน์ฉลากแรกๆที่พวกเขาผลิต คือ Tintern Parva Bacchus ซึ่งวินเทจ 2009 ของไวน์ฉลากนี้ เคยคว้ารางวัลเหรียญเงินมาแล้วจากงานแข่งขันไวน์ International Wine Challenge ในปี 2011
ในขณะที่ไวน์จากไร่องุ่น Ancre Hill Estates ซึ่งมีอายุอานามไม่ถึง 10 ปี ก็ยังเคยคว้ารางวัลมาแล้วมากมายจากเวทีแข่งขันไวน์ระดับนานาชาติ จากทั่วโลก เช่น การแข่งขัน Decanter World Wine, International Wine Challenge และ International Wine and Spirits เป็นตัน
ที่น่าสนใจ คือ ไร่องุ่นแห่งนี้ มีดินซึ่งมีลักษณะเป็นหินปูนที่เกิดจากการทับถมของซากพืชซากสัตว์ตั้งแต่สมัยจูลาสสิก ทำให้ดินอุดมสมบูรณ์ และส่งผลให้ไวน์ที่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสปาร์กลิ้งไวน์ มีรสชาติที่โดดเด่นของแร่ธาตุ ซึ่งสายพันธุ์องุ่นส่วนใหญ่ที่ปลูกในไร่องุ่นแห่งนี้ ประกอบด้วย Pinot Noir, Chardonnay และ Albarińo ในส่วนไวน์ระดับเรือธงของที่นี่ คือ Ancre Hill ปี 2008 ซึ่งคว้ารางวัลสปาร์กลิ้งไวน์ยอดเยี่ยมที่สุดของโลกมาแล้วจากงานแข่งขันไวน์ Bollicine Del Mondo ที่จัดขึ้นเมื่อปี 2012 ในกรุงเวโรน่า ประเทศอิตาลี ในจำนวนไวน์ที่คว้ารางวัลนี้ ยังประกอบไปด้วยสปาร์กลิ้งไวน์ที่ผลิตจากโรงไวน์ชื่อดัง อย่าง Paul Bara, Feuillate และ Bollinger อีกด้วย
ปัจจุบัน มีผู้ผลิตไวน์จากฝรั่งเศสหลายราย หันมาให้ความสนใจซื้อไร่องุ่นในเวลส์มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า พวกเขาเล็งเห็นถึงศักยภาพบางอย่างของผืนดินในภูมิภาคแห่งนี้ ตลอดจนเพื่อเป็นการการันตีว่า ธุรกิจไร่องุ่นของพวกเขาจะไม่ได้รับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงที่ทวีคามรุนแรงมากขึ้นของสภาพภูมิอากาศโลกในปัจจุบันก็เป็นได้