บทความจาก Wall Street Journal
ให้เดา… มีไวน์จำนวนกี่ขวดที่ถูกผลิตขึ้นในแต่ละปี? เรามั่นใจว่า คุณเดาไม่ถูกแน่ๆ
รายงานล่าสุดจาก International Wine & Spirit Research (IWSR) กลุ่มทำวิจัยเกี่ยวกับเครื่องดื่มในกรุงลอนดอน ซึ่งได้รับการมอบหมายงานจาก Vinexpo ได้ทำการประเมินจำนวนการผลิตไวน์ในปี 2013 ว่าอยู่ที่ 3.2 พันล้านแพคเกจ หรือประมาณ 38.4 พันล้านขวด ซึ่งในจำนวนนี้ ส่วนใหญ่เป็นไวน์แดงถึง 54% ตามด้วยไวน์ขาว 37% และโรเซ่ 9% แล้วใครหละคือตลาดบริโภคหลักของไวน์เหล่านี้? คำตอบ คือ กลุ่มผู้บริโภคในทวีปยุโรป และสหรัฐอเมริกา แต่หากระบุถึงประเทศที่บริโภคไวน์มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลกแล้วหละก็ มั่นใจว่า หลายคนคงตอบประเทศฝรั่งเศส…ซึ่งเป็นคำตอบที่ ผิด !
จากรายงานของ IWSR พบว่า ประเทศสหรัฐอเมริกายังคงเป็นตลาดบริโภคไวน์ที่ใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบตามจำนวนขวด โดยบริโภคสูงถึง 339 ล้านแพคเกจในปี 2013 แซงหน้า ประเทศฝรั่งเศส ที่บริโภคเพียงจำนวน 296 ล้านแพคเกจ ในขณะที่อิตาลี บริโภค 288 ล้านแพคเกจ เยอรมัน 274 ล้านแพคเกจ และจีน 144 ล้านแพคเกจ (ตลาดบริโภคไวน์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก) ตามมาด้วยอังกฤษ ซึ่งบริโภคมากที่สุดเป็นอันดับ 6 โดยมีจำนวนบริโภคอยู่ที่ 133 ล้านแพคเกจ
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองตัวเลขการบริโภคไวน์ต่อคน ยิ่งมีความน่าสนใจมากขึ้น โดยอิตาลีบริโภคไวน์มากแซงหน้า ฝรั่งเศส, สวิตเซอร์แลนด์, โปรตุเกส และ ออสเตรีย แต่หากพิจารณาในแง่มูลค่าของตลาด (จำนวนเม็ดเงินที่แต่ละประเทศใช้จ่ายในการซื้อไวน์)แล้ว 3 อันดับแรก คือ สหรัฐอเมริกา, ฝรั่งเศส และ อังกฤษ โดยคาดว่าอังกฤษจะใช้จ่ายมากขึ้นในอีก 3 ปีข้างหน้า และจะส่งผลให้ฝรั่งเศสตกมาอยู่อันดับที่ 3 นอกจากนี้ IWSR ยังคาดการณ์ว่า ภายในปี 2018 สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ จะกลายเป็นตลาดบริโภคไวน์(ไม่รวมสปาร์กลิ้งไวน์)ที่มีมูลค่ามากที่สุด ด้วยมูลค่า $33.2 และ $17.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ
ตัวเลขดังกล่าว ถือว่าน่าตื่นตาตื่นใจ เพราะไม่เพียงสะท้อนถึงความรุ่งโรจน์ของธุรกิจไวน์ ทั้งในตลาดใหม่ๆ อย่าง เอเชีย แล้ว แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของตลาดบริโภคไวน์เดิม อย่าง สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ อีกด้วย
“สหรัฐอเมริกา จะคงเป็นตลาดผู้บริโภคไวน์ที่ใหญ่ที่สุดจนถึงปี 2018” คุณ Humphrey Serjeantson นักวิเคราะห์อาวุโสจาก IWSR กล่าว “สิ่งที่เรากำลังมองเห็นได้อีก คือ การจิบไวน์คู่กับอาหารในมื้อต่างๆ กำลังกลายเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้นในสหรัฐอเมริกา จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมชาวอเมริกันจึงมีความรอบรู้มากขึ้นเกี่ยวกับเรื่องไวน์”
ในขณะที่เยอรมันเป็นชาติที่นิยมจิบสปาร์กลิ้งไวน์มากที่สุด โดยมีตัวเลขการบริโภคสูงถึง 46 ล้านแพคเกจในปี 2014 แซงหน้าฝรั่งเศส และรัสเซีย(ซึ่งแต่เดิมเป็นตลาดผู้บริโภคแชมเปญที่มีขนาดใหญ่) ที่มีตัวเลขการบริโภคสปาร์กลิ้งไวน์อยู่ที่ 30 ล้านแพคเกจและ 26 ล้านแพคเกจ ตามลำดับ ในขณะที่สหรัฐอเมริกามาเป็นอันดับที่ 4 มีตัวเลขการบริโภคอยู่ที่ 18 ล้านแพคเกจ รองลงมาเป็นอันดับที่ 5 คือ อังกฤษ ซึ่งบริโภคมากถึง 11 ล้านแพคเกจ จัดเป็นตัวเลขที่น่าเหลือเชื่อ เมื่อเปรียบเทียบจากจำนวนประชากรของ 2 ประเทศดังกล่าว
ถึงแม้ว่าสหรัฐอเมริกา และยุโรป จะยังคงเป็นตลาดผู้บริโภคที่แข็งแกร่งที่สุดในขณะนี้ คุณ Serjeantson กล่าวว่า การบริโภคไวน์ในยุโรปมีแนวโน้มลดลง สืบเนื่องจากวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป เช่น การรณรงค์มากขึ้นในเรื่องการเมาไม่ขับ เป็นต้น
ในขณะที่การบริโภคไวน์ในประเทศจีน เติบโตขึ้นถึง 69% จากปี 2009 ถึงปี 2013 และคาดว่าจะเติบโตมากขึ้นอีกเกือบราว 25% จากปี 2014 ถึงปี 2018 ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ผลิตไวน์เลยทีเดียว