ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่ดีสำหรับผู้ผลิตเวอร์มุธของสเปน (Spanish Vermouth) เวอร์มุธเป็นไวน์ชนิดหนึ่งที่มีการเติมเอทิลแอลกอฮอล์บริสุทธ์ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ผ่านการกลั่น และน้ำตาลให้มีปริมาณแอลกอฮอล์โดยปริมาตรสูงกว่าเทเบิลไวน์ทั่วไป หรือที่เราเรียกกันว่า ฟอร์ติไฟด์ไวน์(Fortified wine) ปัจจุบัน ฟอร์ติไฟด์ไวน์กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นจากผู้คนทั่วโลก โดยผับ และบาร์ในกรุงบาร์เซโลน่าในช่วงวันหยุดเสาร์ และอาทิตย์มักคลาคล่ำไปด้วยหนุ่มสาวรุ่นใหม่ รวมถึงผู้คนวัยเกษียณที่ออกมามักมาแฮงเอาท์ และจิบเหล้าเวอร์มุธกันโดยเฉพาะ
การดื่มเวอร์มุธเป็นมากกว่าแค่การบริโภคเครื่องดื่ม แต่เป็นเหมือนกับพิธีกรรมในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ที่มักใช้จิบก่อนทานอาหารกลางวัน หรือมื้อเย็น ในการบริโภค มักนิยมดื่มแบบเพียวๆ หรือใส่น้ำแข็ง และผสมโซดาเล็กน้อย ก็ได้ อาจตกแต่งแก้วให้เก๋ขึ้นด้วยเลม่อน หรือมะนาวหั่นซีก หรือมะกอก เป็นต้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มให้เวอร์มุธมีรสสมุนไพรมากขึ้น แต่อาจขมขึ้นเล็กน้อย และทำให้รู้สึก “ตื่น” ยิ่งขึ้น บางคนอาจเลือกจิบเวอร์มุธเพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อย ก่อนรับประทานอาหารก็ได้ โดยทั่วไปแล้ว มักจิบเวอร์มุธคู่กับขนมขบเคี้ยว หรือสลัดมะกอกกับแอนโชวี่ราดด้วยน้ำมันมะกอก ใส่ถั่ว หรือมันฝรั่งกรอบ และก็ยังเหมาะสำหรับจิบสังสรรค์กันในครอบครัว และกลุ่มเพื่อนสนิทอีกด้วย
ต้นกำเนิดของเวอร์มุธยังไม่ระบุเป็นที่แน่ชัด บางคนเชื่อว่ามันเกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 16 ในประเทศเยอรมัน โดยชื่อของมันอาจมาจาก “wermut” ซึ่งในภาษาเยอรมัน หมายถึง ต้นวอร์มว้ด ที่ต่อมากลายเป็นส่วนประกออบที่สำคัญในการผลิตเวอร์มุธนั่นเอง เวอร์มุธเป็นที่จิบกันแพร่หลายในแถบยุโรป มี 2 ประเภท ได้แก่ เวอร์มุธแบบดราย(dry vermouth) และเวอร์มุธหวาน (sweet vermouth)
การผลิตเวอร์มุธกลายมาเป็นเรื่องในเชิงการค้าอย่างมากในช่วงศตวรรษที่ 19 และได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศสเปน ชาวสเปนใช้เวลาไม่นานในการเรียนรู้ที่จะเริ่มผลิตเวอร์มุธเป็นของตัวเอง ซึ่งทำให้ต่อมากลายเป็นวัฒนธรรมหนึ่งของประเทศ
เวอร์มุธทำจากไวน์ขาวที่มีแอลกอฮอล์ต่ำ รสชาติกลางๆ บางครั้งไวน์ที่นำมาทำเวอร์มุธ จะเป็นไวน์ที่ถูกบ่ม ก่อนนำมาผสมกับส่วนประกอบอื่นๆ ถ้าหากต้องการทำเวอร์มุธหวาน ก็จะมีการใส่น้ำเชื่อมเพิ่มลงไปหลังจากผสมไวน์กับสุรากลั่นดีกรีสูง (neutral spirit) เรียบร้อยแล้ว สำหรับการทำเวอร์มุธแบบดราย ก็จะตัดการผสมน้ำเชื่อมออกไป หรือใส่ในปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น โดยจะนำไวน์ใส่ลงในแทงก์หรือถัง หลังจากนั้นใส่ส่วนประกอบที่มีคุณสมบัติแบบดรายลงไป ได้แก่ กานพลู, อบเชย, ควินิน(quinine), เปลือกเลม่อน หรือมะนาว, วอร์มวู้ด และใบกระวาน ส่วนประกอบเหล่านี้จะช่วยให้เวอร์มุธมีคุณลักษณะเฉพาะที่ไม่เหมือนใคร โดยทั่วไป เวอร์มุธมีสีสันหลากหลายตั้งแต่แดงจางๆ จนถึง แดงเข้ม โดยเวอร์มุธที่มีสีแดงจางมักจะเป็นเวอร์มุธแบบดราย ส่วนเวอร์มุธที่มีสีแดงเข้มมักจะมีรสหวาน แต่ก็ไม่เสมอไป
กระแสการจิบเวอร์มุธกลับมาได้รับความนิยมอย่างมากอีกครั้งในประเทศสเปน ในขณะที่ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกก็เริ่มหันมาสนใจ และสนุกกับการจิบเวอร์มุธมากขึ้น การจิบเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อย หรือ aperitif ก่อนรับประทานอาหาร เริ่มกลายมาเป็นวัฒนธรรมของชาวยุโรปส่วนใหญ่ เวอร์มุธจัดเป็นเครื่องดื่มลูกพี่ลูกน้องของเหล้า เช่น Campari, Sherry, Kina Lillet, Picon, Dubonnet และ Pernod เป็นต้น คำถาม คือ แล้วเมื่อไรที่เวอร์มุธจะกลายเป็นที่นิยมของนักจิบชาวไทย? ถึงเวลานั้น ผมมั่นใจว่า เราอาจต้องใช้เวลานานกว่าเดิมเพื่อจิบ! ก่อนทานมื้อกลางวันก็เป็นได้…
[เรียบเรียงจากบทความของ Alexander Eeckhout]