นึกภาพมาร์ตินี่ออกไหม? แก้วค็อกเทลสวยๆ มีเครื่องดื่มที่มีลักษณะใส ดูมีชีวิตชีวาอยู่ภายใน สัมผัสได้ถึงกลิ่นของผลไม้เน่า, น้ำผึ้งป่าหมัก หรือเมล็ดต้นหญ้าในโคลนตม … นี่แหละคือต้นกำเนิดของเอทิลแอลกอฮอล์
ยีสต์ธรรมชาติที่ลอยล่องอยู่ในอากาศ และน้ำตาลที่ได้จากผลไม้สุก คือ ส่วนประกอบทั้งหมดที่เป็นต้นกำเนิดของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ มันเกิดมาเพื่อมอบความสุขให้กับมนุษย์อย่างเราๆได้ดื่มด่ำอย่างมีรสชาติถึงทุกวันนี้
ไม่ใช่แค่มนุษย์ที่ชอบการดื่ม เพราะสัตว์โลกต่างๆ ตั้งแต่ช้างตัวโต จนถึงแมลงตัวเล็กๆ ก็ยังถวิลหาการดื่มเช่นกัน… มันคือการดื่มด่ำเพื่อเลี้ยงกาย และความสุขของชีวิต
แอลกอฮอล์ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามทำธรรมชาติ และมนุษย์ได้ค้นพบมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์แล้ว
ถ้าไม่นับสมองของมนุษย์ที่มีศักยภาพในการลอกเลียนแบบกระบวนการต่างๆในธรรมชาติแล้ว อารยธรรมของมนุษยชาติ ถือว่าได้เกิดขึ้นมานานแสนนานแล้ว
มีผู้เสนอทฤษฎีว่า แท้ที่จริงๆแล้ว เบียร์เกิดขึ้นก่อนขนมปังเสียด้วยซ้ำ โดยทฤษฎีดังกล่าว อ้างว่า จริงๆแล้วมนุษย์เราไม่ได้เปลี่ยนรูปแบบจากการเป็นสังคมล่าสัตว์ และหาพืชผักเลี้ยงชีพ มาสู่การเป็นสังคมเกษตรกรรม เพียงเพื่อสร้างอาหารเก็บไว้สำหรับการดำรงชีพ แต่จริงๆแล้วพวกเขาเปลี่ยนมาทำการเกษตรเพื่อที่จะได้เข้าถึงการบริโภคแอลกอฮอล์ต่างหาก เป็นที่คาดว่า ในช่วงแรกๆมนุษย์ปลูกเมล็ดข้าวขึ้นมาเพื่อทำเบียร์ ก่อนที่พวกเขาจะนำมันมาทำขนมปังเสียด้วยซ้ำไป นอกจากนี้ สังคมการล่าสัตว์ และการหาพืชผักเพื่อเลี้ยงชีพ ได้พิสูจน์แล้วว่า มนุษย์สามารถหาเลี้ยงตนเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการทำการเกษตรกรรม
จากบทความบนเว็บไซต์ของ NY Times เมื่อเร็วๆนี้ ได้ระบุไว้ว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่ช่วยปลดปล่อยให้ธรรมปฏิบัติทางสังคมให้มีความเป็นอิสระยิ่งขึ้น ช่วยให้วิถีการดำรงชีพของเผ่าพันธุ์มนุษย์กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ตลอดจนนำไปสู่การสำรวจ การค้นพบ การแสดงออกทางด้านศิลปะ ความรัก การค้นคว้าทดลอง – กล่าวง่ายคือ มันนำมาซึ่งอารยธรรมต่างๆนั่นเอง
และไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัย มนุษย์ก็ยังคงมีวิถีแบบปฏิบัติแบบนี้เรื่อยมา
[เรียบเรียงจากบทความของ Alexander Eeckhout]