จากการศึกษาโดยหน่วยงานวิจัยด้านพฤติกรรม และสุขภาพของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์เมื่อเร็วๆนี้ ระบุว่า การเสิร์ฟไวน์ในแก้วที่มีขนาดใหญ่ขึ้น จะทำให้ผู้บริโภคดื่มไวน์มากขึ้น โดยทีมวิจัยเชื่อว่า การรับรู้ปริมาณไวน์ในแก้วแบบไหน ก็จะกระตุ้นให้เราแสดงออกแบบนั้น
งานศึกษาดังกล่าว ซึ่งถูกตีพิมพ์ในวารสารด้านสุขภาพ ที่มีชื่อว่า BMC Public อยู่บนพื้นฐานของทฤษฎีที่ว่า การทานอาหารจากจานที่มีขนาดใหญ่ขึ้น สามารถชักจูงให้เราบริโภคอาหารมากขึ้นได้เช่นกัน
ทีมงานวิจัยได้ศึกษาวิเคราะห์ยอดขายไวน์ของผับในท้องถิ่นแห่งหนึ่งเป็นระยะเวลา 5 เดือน โดยให้เจ้าของกิจการทั้งหลายเปลี่ยนขนาดแก้วไวน์ทุกๆ 2 เดือน จากแก้วขนาดมาตรฐาน 300 มล. เป็นขนาดใหญ่ขึ้น 370 มล. และท้ายที่สุด ปรับเปลี่ยนให้มีขนาดเล็กลงเป็น 250 มล.
ตลอดการศึกษา พบว่า ถึงแม้ว่ากลุ่มวิจัยที่เป็นผับ และร้านอาหารเหล่านั้น จะเสิร์ฟไวน์ในปริมาณที่เท่ากันโดยตลอด แต่เมื่อพวกเขาเสิร์ฟไวน์ในแก้วที่มีขนาดใหญ่ขึ้น หรือขนาด 370 มล. กลับมียอดขายไวน์ที่สูงขึ้น โดยกลุ่มวิจัยที่เป็นผับ มียอดขายไวน์เพิ่มขึ้นถึง 14.4% ในขณะที่กลุ่มวิจัยที่เป็นร้านอาหารมียอดขายสูงขึ้นเช่นกัน ถึง 8.2% เลยทีเดียว
ที่น่าสนใจ คือ เมื่อพวกเขาเสิร์ฟไวน์ในแก้วที่มีขนาดเล็กลง ยอดขายไวน์กลับไม่ได้น้อยลงตามแต่อย่างใด
ตามรายงานของ Huffington Post ซึ่งเปิดเผยคำกล่าวของ ดร. ราเชล พีชี่ ผู้เป็นนักเขียนของงานศึกษาชิ้นนี้ ระบุว่า ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า เหตุใดที่ทำให้ผลการศึกษาออกมาเป็นเช่นนี้ โดยเขากล่าวว่า “เหตุผลหนึ่งอาจเนื่องมาจากว่า แก้วไวน์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น อาจมีผลต่อการรับรู้ของเราที่มีต่อปริมาณไวน์ในแก้ว และจึงทำให้เราดื่มไวน์เร็วขึ้น และสั่งไวน์มากขึ้นกว่าเดิม”
งานศึกษาดังกล่าวนี้ ยังได้จุดประกายให้เกิดแนวความคิดที่ว่า การใช้แก้วไวน์ขนาดมาตรฐานควรถูกพิจารณาให้เป็นหนึ่งในข้อกำหนดในการควบคุมแอลกอฮอล์ อีกด้วย
ถ้าครั้งหน้าคุณสังเกตเห็นว่า คุณจิบไวน์เยอะเกินไปหน่อย ก็ลองดูว่า เราควรจะโทษใครดี ระหว่างแก้วไวน์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น กับตัวคุณเอง…