เมื่อวันที่ 22 และ 23 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ชาวกรุงได้มีโอกาสเปิดประสบการณ์ไวน์ในบรรยากาศใหม่อีกครั้ง กับ งานไวน์ดินเนอร์ “ Twin Sensation French Wine Dinners” ซึ่งจัดเป็นงานระดับพรีเมี่ยมอีกงานสำหรับคอไวน์ฝรั่งเศส จัดขึ้นที่โรงแรมระดับไอคอนยักษ์ใหญ่ 2 แห่งในกรุงเทพฯ คือ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ และ โรงแรมอวานี ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ
โดย Wine n’ About ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานนี้ ณ ห้องอาหาร Attitude โรงแรมอวานี ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ สถานที่สูงๆบนยอดตึกริมแม่น้ำเจ้าพระยา ภายในงานป็นการจับคู่สุดยอดเมนูอาหารกับไวน์ฝรั่งเศสตัวท็อปจากไร่ Château Cos d’Estournel
Château Cos d’Estournel เป็นโรงไวน์ที่มีเนื้อที่ขนาด 91 เฮกตาร์ โดยมีพื้นที่ไร่องุ่น 60% ปลูกองุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon ส่วนอีก 40% เป็นองุ่นสายพันธุ์ Merlot ไร่องุ่นแห่งนี้มีอายุโดยเฉลี่ย 35 ปีแล้ว ซึ่งจัดได้ว่ามีอายุอานามพอตัว โดยฉลากไวน์ที่มีชื่อว่า Château Cos d’Estournel จะต้องเป็นไวน์ที่ทำจากเถาองุ่นที่มีอายุเกินกว่า 20 ปีเท่านั้น ในส่วนของกระบวนการเก็บเกี่ยว และการคัดเลือกองุ่น จะใช้แรงงานคนเท่านั้น ไม่พึ่งพาเครื่องจักรกลใดๆ เพื่อให้มั่นใจว่า ไวน์ที่ได้จะมีคุณภาพสูงสุด
ในงานครั้งนี้ ทางไร่ได้คัดไวน์ตัวท็อปมาอวดโฉมและรสชาติให้คอไวน์ชาวกรุงเทพฯได้ลิ้มลองกัน เริ่มต้นกันที่ แชมเปญ Champagne Michel Reybier NV ที่เสิร์ฟพร้อมกับคานาเป้ โดยถึงแม้ว่าไวน์ฉลากนี้จะไม่ได้ผลิตมาจากไร่ Cos โดยตรง แต่มันก็ถูกตั้งใจผลิตขึ้นมาเพื่อเป็นเกียรติแด่ท่านเจ้าของไร่โดยเฉพาะ นั่นคือ คุณ Michel Reybier
มันเป็นแชมเปญที่บ่มในถังไม้ ก่อนเข้าสู่กระบวนการหมักครั้งที่ 2 ส่งผลให้ได้รสชาติไวน์ที่ซับซ้อนอย่างน่าเอร็ดอร่อย และเข้มข้น ทานคู่กับเมนูเรียกน้ำย่อย 3 ชนิด ที่เสิร์ฟมาพร้อมกัน ได้แก่ มะกอก, พีนัท และชีสพาร์เมซานแท่ง
ต่อด้วย Cos d’Estournel Blanc ปี 2013 ซึ่งเป็นไวน์ที่ทำจากองุ่น Sauvignon Blanc 76% และ Sémillon 24% ฉลากนี้จัดเป็นหนึ่งในไวน์ขาวที่เยี่ยมยอดที่สุดของ Château Cos d’Estournel จับคู่อย่างลงตัวกับเมนูกุ้งล็อบสเตอร์ ทาทาร์
หลังจากนั้น ทางเจ้าบ้านเสิร์ฟต่อด้วยไอศกรีม ซึ่งดูเหมือนจะเร็วเกินไปสำหรับอาหารมื้อค่ำ แต่เนื่องจากมันเป็นไอศกรีมที่ทำมาจากชีสพาร์เมซาน จึงเป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ เมนูนี้ถูกออกแบบมาเพื่อทานคู่อย่างเยี่ยมยอดกับไวน์ฉลาก Goulee ปี 2013 ซึ่งเป็นไวน์ที่ทำมาจากองุ่น Merlot 60% , Cabernet Sauvignon 33% และ Cabernet Franc 7% ซึ่งปลูกในไร่แห่งต่างๆในกรรมสิทธิ์ครอบครองของ Cos d’Estournel มาพร้อมเซนส์ของฟรุตตี้ สะท้อนเอกลักษณะของสไตล์ไวน์โลกใหม่ เพราะองุ่นที่นำมาผลิต ถูกปลูกขึ้นภายใต้สภาพดินฟ้าอากาศที่แตกต่างกัน
ตามมาติดๆด้วย Les Pagodes de Cos ปี 2009 ซึ่งเป็นไวน์ที่มีแทนนินค่อนข้างสูง กลิ่มเข้มข้น รสชาติฟรุตตี้ สัมผัสได้ถึงโน้ตของผลไม้สุก ทำมาจาก Cabernet Sauvignon 69%, Merlot 30% และ Petit Verdot 1% ส่วนเมนูที่ทาง Attitude แนะนำให้ทานคู่กับไวน์ฉลากนี้ คือ เมนูเห็ด boletus และฟัวกราส์ เสิ์ฟพร้อมผักสด และข้าวโพด
เข้าสู่เมนูจานหลัก ไวน์ที่ทางไร่คัดเลือกมาเป็นพิเศษ คือ Château Cos d’Estournel ปี 2003 และ ปี 2008 สำหรับทานคู่กับเมนูเด็ด อย่าง Sous Vide Lamb Rack ซึ่งไวน์ทั้ง 2 ฉลากนี้มีสไตล์ที่ใกล้เคียงกัน กล่าวคือ ส่วนใหญ่ทำมาจากองุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon ผสมกับองุ่นสายพันธุ์อื่นๆ ได้แก่ Merlot, Cabernet Franc และ Petit Verdot แต่ต่างก็มีรสชาติที่อร่อยในแบบของตัวเอง
โดยตัววินเทจ 2003 มีรสชาติเข้มข้น แต่บาลานซ์ ถึงอกถึงใจ ส่วนวินเทจ 2008 ให้ความรู้สึกที่สง่า และนุ่มละเมียดกว่า สอดประสานทั้งขุมพลัง และความปราณีตของรสชาติ
อารมณ์ความฟินเริ่มละมุน และผ่อนคลายลง เมื่อเมนูต่อมาลรรจงวางลงบนโต๊ะ มันคือ ชีสนมแกะแบบครีมที่เสิร์ฟมาพร้อมกับถั่วแมคคาเดเมียและน้ำผึ้งทรัฟเฟิล ซึ่งถูกแนะนำให้ทานคู่กับไวน์ Château Cos d’Estournel ปี 1986 ซึ่งเป็นวินเทจที่เก่าที่สุดในงาน ทำมาจากองุ่น Cabernet Sauvignon 68% และ Merlot 32% มาพร้อมกลิ่นหอมที่ซับซ้อน แต่แอบวาบหวิว โครงสร้างแทนนินนุ่ม full-bodied สามารถบ่มต่อได้อีก แต่ก็สามารถอร่อยได้ในวันนี้เช่นกัน
ปิดท้ายด้วยเมนูของหวาน ซึ่งทางร้านจัดเสิร์ฟเป็น ราสพ์เบอร์รี่กับโยเกิร์ต ทานคู่กับไวน์ Hetszolo Tokaji Aszu 5 Puttonyos ซึ่งเป็นฉลากพิเศษจากไร่ของคุณ Michel Reybier ที่ตั้งอยู่ในแคว้น Tokaji ของฮังการี ฉลากนี้เป็นไวน์หวาน (desert wine) แบบ full-bodied แต่ก็หอมซับซ้อน ให้รู้สึกถึงความรัญจวนใจ
ข่าวดี คือ ไวน์ทั้งหมดนี้พร้อมให้คอไวน์ได้ลองลิ้มชิมรสแล้ว ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีนี้ ที่ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ และ โรงแรมอวานี ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ